วันจันทร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558


กศน.ตำบลเปือจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาอาชีพ หลักสูตรการเพาะเห็ดโคนน้อย

คุณประโยชน์จากเห็ด                                                                            เห็ดจัดเป็นอาหารประเภทผักที่ปราศจากไขมัน มีปริมาณน้ำตาลและเกลือค่อนข้างต่ำและยังเป็นแหล่งโปรตีนที่ดี เมื่อเทียบกับผักอีกหลายชนิด อีกทั้งยังมีรสชาติและกลิ่นที่ชวนรับประทาน นอกจากจะให้คุณค่าทางโภชนาการแล้วเห็ดยังมีสรรพคุณทางยา ซึ่งมีคุณสมบัติที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันในร่างกายและช่วยลดความเสี่ยงจากโรคร้ายต่างๆเช่น โรคมะเร็ง เบาหวาน อัลไซเมอร์(โรคหลงๆลืมๆในผู้สูงอายุ)หลอดเลือดหัวใจอุดตัน และความดันโลหิตสูง เป็นต้น

เห็ดโคนน้อย

     จัดเป็นราชั้นสูงที่อยู่ใน ตระกูลเห็ดในประเทศไทยมีชื่อเรียกแตกต่างกันไปเนื่องจากมีการกระจายพันธุ์ทั่วทุกภาคของประเทศไทยโดยมีชื่อเรียกตามวัสดุเพาะ เช่น เห็ดถั่ว เห็ดถั่วเหลือง หรือเห็ดถั่วเน่า เห็ดโคนน้อย เห็ดโคนบ้าน เห็ดโคนขาว(ภาคเหนือ) เห็ดคราม เห็ดปลวกน้อย(ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) เห็ดโคนเพาะ เห็ดโคนน้อย เห็ดหมึก(ภาคกลาง)เป็นเห็ดที่ขึ้นง่าย ลักษณะคล้ายเห็ดโคนสีขาวมีหมวกสวยงามสมส่วน ก้านดอกขนาดเท่าดินสอดำ ความยาวของต้นเห็ดประมาณ 2-3 นิ้ว
 

วัสดุที่สามารถใช้ในการเพาะเห็ดโคนน้อย
เนื่องจากวัสดุในพื้นที่ในแต่ละท้องถิ่นมีวัสดุในการเพาะเห็ดโคนน้อยที่ไม่เหมือนกันและเห็ดโคนน้อยสามารถที่จะเพาะในวัสดุเพาะดังนี้
  1. ตอซังข้าว ฟางข้าว
  2. ต้นข้าวโพด เปลือกข้าวโพด
  3. ต้นถั่วหรือเปลือกถั่วชนิดต่างๆ
ซึ่งเศษวัสดุฯเหล่านี้สามารถนำมาใช้ประโยชน์ในรูปของวัสดุเพาะเห็ด และเมื่อเก็บเห็ดแล้ววัสดุเพาะเห็ดดังกล่าวยังสามารถนำกลับมาใช้เป็นอาหารสัตว์ เช่น โค กระบือ ได้อีกครั้ง โดยมีคุณค่าทางอาหารสูงกว่าปกติ เนื่องจากย่อยได้ดีขึ้น จึงส่งผลให้อัตราการเจริญเติบโตของสัตว์ดีขึ้นด้วย หรือใช้ในรูปของปุ๋ยชีวภาพสำหรับต้นไม้ก็จะทำให้ต้นไม้เจริญเติบโตดี ไม่ต้องพึ่งพาปุ๋ยเคมีซึ่งทำให้ดินเค็มและแน่น



เห็ดโคนน้อย

     จัดเป็นราชั้นสูงที่อยู่ใน ตระกูลเห็ดในประเทศไทยมีชื่อเรียกแตกต่างกันไปเนื่องจากมีการกระจายพันธุ์ทั่วทุกภาคของประเทศไทยโดยมีชื่อเรียกตามวัสดุเพาะ เช่น เห็ดถั่ว เห็ดถั่วเหลือง หรือเห็ดถั่วเน่า เห็ดโคนน้อย เห็ดโคนบ้าน เห็ดโคนขาว(ภาคเหนือ) เห็ดคราม เห็ดปลวกน้อย(ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) เห็ดโคนเพาะ เห็ดโคนน้อย เห็ดหมึก(ภาคกลาง)เป็นเห็ดที่ขึ้นง่าย ลักษณะคล้ายเห็ดโคนสีขาวมีหมวกสวยงามสมส่วน ก้านดอกขนาดเท่าดินสอดำ ความยาวของต้นเห็ดประมาณ 2-3 นิ้ว
 

วัสดุที่สามารถใช้ในการเพาะเห็ดโคนน้อย
เนื่องจากวัสดุในพื้นที่ในแต่ละท้องถิ่นมีวัสดุในการเพาะเห็ดโคนน้อยที่ไม่เหมือนกันและเห็ดโคนน้อยสามารถที่จะเพาะในวัสดุเพาะดังนี้
  1. ตอซังข้าว ฟางข้าว
  2. ต้นข้าวโพด เปลือกข้าวโพด
  3. ต้นถั่วหรือเปลือกถั่วชนิดต่างๆ
ซึ่งเศษวัสดุฯเหล่านี้สามารถนำมาใช้ประโยชน์ในรูปของวัสดุเพาะเห็ด และเมื่อเก็บเห็ดแล้ววัสดุเพาะเห็ดดังกล่าวยังสามารถนำกลับมาใช้เป็นอาหารสัตว์ เช่น โค กระบือ ได้อีกครั้ง โดยมีคุณค่าทางอาหารสูงกว่าปกติ เนื่องจากย่อยได้ดีขึ้น จึงส่งผลให้อัตราการเจริญเติบโตของสัตว์ดีขึ้นด้วย หรือใช้ในรูปของปุ๋ยชีวภาพสำหรับต้นไม้ก็จะทำให้ต้นไม้เจริญเติบโตดี ไม่ต้องพึ่งพาปุ๋ยเคมีซึ่งทำให้ดินเค็มและแน่น


อุปกรณ์ที่ใช้ในการเพาะเห็ดโคนน้อย

 1. วัสดุที่ใช้เพาะซึ่งสามารถหาได้ในท้องถิ่น (ฟางข้าว เปลือกข้าวโพด เปลือกถั่ว)
 2. แป้งมัน แป้งสาลี
 3. รำละเอียด
 4. หัวเชื้อเห็ดโคนน้อย
 5. ปุ๋ยยูเรีย (46-0-0)
 6. กากน้ำตาล
 7. ไม้แบบ หรือกระบะเพาะขนาดความกว้าง 30 ยาว 50 สูง 30 เซนติเมตร ซึ่งอาจจะทำด้วยไม้หรือเหล็กก็ได้ หรืออาจจะใช้ตะกร้าไม้หรือพลาสติกทำเป็นแบบก็ได้
 8. อุปกรณ์ในการต้มน้ำ ได้แก่ ถังน้ำมันหรือหม้อต้ม   และเชื้อเพลิง
 9. เชือกหรือตอกสำหรับมัดวัสดุเพาะ
 10 พลาสติกสำหรับคลุมกองวัสดุเพาะเพื่อกักเก็บความชื้น และเป็นการบ่มกองวัสดุเพาะ

ขั้นตอนและวิธีการเพาะเห็ด
 1. ต้มน้ำ 100 ลิตร ใส่ปุ๋ยยูเรียและกากน้ำตาล (ในอัตราส่วนอย่างละ 1 กิโลกรัมต่อน้ำ 100 ลิตร)
 2. นำวัสดุเพาะใส่ลงไป ต้มนาน 5-10 นาที เพื่อให้สารอาหารจากปุ๋ยยูเรียและกากน้ำตาลได้ซึมเข้าไป ในวัสดุเพาะ และยังเป็นวิธีที่ช่วยกำจัดโรคและแมลง   และวัชพืชต่างๆ
 3. นำวัสดุเพาะออกจากถังต้มมาผึ่งไว้ให้หายร้อน
 4. นำวัสดุเพาะวางเรียงลงในไม้แบบให้มีความหนาพอประมาณ (2-3เซนติเมตร)
 5. โรยด้วยเชื้อเห็ดโคนน้อยที่ได้ทำการผสมคลุกเคล้ากับรำละเอียดและแป้งมัน
 6. วางวัสดุเพาะทับสลับกับเชื้อเห็ดโคนน้อยให้มีความสูง 4-5 ชั้น โดยการใส่เชื้อเห็ดในชั้นล่างและชั้นบนจะใส่เชื้อเห็ดให้ทั่วบริเวณของวัสดุเพาะ ส่วนในชั้นอื่นๆจะใส่เชื้อลงไปบริเวณด้านชิดขอบของวัสดุเพื่อให้ง่ายและสะดวกในการเก็บผลผลิต
 7. ยกไม้แบบเพาะออก มัดวัสดุเพาะรวมกันให้แน่นด้วยเชือกหรือตอก
 8. นำไปวางไว้บริเวณที่ร่ม รำไร รดน้ำให้เปียก
9. คลุมด้วยพลาสติกใสและพลาสติกสีดำให้มิดชิดจากนั้นคลุมด้วยพลาสติกที่ทึบ หรือผ้าใบอีกชั้นเพื่อควบคุมอุณหภูมิให้เหมาะสมต่อการเจริญของเห็ด
10.ด้านล่างของวัสดุเพาะ ควรมีการรองด้วยไม้ให้มีความสูงเหนือพื้นดินเล็กน้อยเพื่อป้องกันแมลงต่างๆ ส่วนพลาสติกที่คลุมกองวัสดุเพาะควรให้สูงจากกองเพาะ 5-10 เซนติเมตร เพื่อให้ดอกเห็ดออกได้ดีไม่ติดกับพลาสติกที่คลุม
11. ภายในระยะเวลา 3-5 วัน จะมีเส้นใยสีขาวของเห็ดเจริญทั่ววัสดุเพาะ และเห็ดจะออกดอกสมบูรณ์ประมาณวันที่ 7-10 โดยสามารถเก็บผลผลิตได้นาน ประมาณ 14-20 วัน

หมายเหตุ : สำหรับผู้ที่ทำเป็นโรงเรือน มีวิธีการเตรียมวัสดุเพาะที่เหมือนกัน แต่สามารถทำได้ปริมาณที่มากกว่า เพราะสามารถจัดเรียงวัสดุเพาะได้หลายชั้น




ข้อควรระวัง
 1. ควรมีการควบคุมความชื้นให้มีความสม่ำเสมอถ้าวัสดุเพาะมีความแห้งเกินไปเห็ดจะเจริญเติบโตได้ไม่ดีแก้ไข โดยการรดน้ำให้เปียกชุ่ม
 2. ควรควบคุมอุณหภูมิไม่ให้ร้อนจนเกินไปเพราะจะทำให้วัสดุแห้ง มีการระเหยความชื้นออกไป เห็ดจะเจริญได้ไม่ดี
 3. ควรเก็บเห็ดในช่วงบ่าย(ประมาณบ่าย 2-3 โมง)เพราะถ้าหากเก็บในตอนเย็น หรือไม่เก็บขณะที่ดอกเห็ดเจริญเต็มที่จะทำให้เห็ดบานภายในเวลา 3-5 ชั่วโมง





หากต้องการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์หรือ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อได้ที่ กศน.ตำบลเปือ                                                   ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอเชียงกลาง จังหวัดน่าน โทรศัพท์ 054-75318
ครูธีรศักดิ์ ยะกันทะ (ครูอัฟ) โทรศัพท์ 084-8083966            
เอกสารอ้างอิง คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และมหาวิทยาลัยแม่โจ้เชียงใหม่














ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม